10 สุดยอดอาหารที่ควรทุกวัน
ไม่ว่าใคร ๆ ก็ล้วนแล้วอยากจะมีสุขภาพที่ดีไม่ต่างกัน ดังนั้น
การดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ และที่สำคัญ มันให้ผลลัพธ์ที่ดีซะด้วยสิ
โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดีจากภายใน
ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ทุกวันเลยล่ะ
อ๊ะ ๆ แต่รู้มั้ยคะว่า นอกจากการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่แล้ว หากคุณได้รับประทาน "สุดยอดอาหาร" ในทุก ๆ วันแล้ว ยิ่งทำให้คุณมีสุขภาพดีมากขึ้นไปอีก เอ? ว่าแต่สุดยอดอาหารที่ว่านี้ คืออะไร อิอิ.. ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
อ๊ะ ๆ แต่รู้มั้ยคะว่า นอกจากการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่แล้ว หากคุณได้รับประทาน "สุดยอดอาหาร" ในทุก ๆ วันแล้ว ยิ่งทำให้คุณมีสุขภาพดีมากขึ้นไปอีก เอ? ว่าแต่สุดยอดอาหารที่ว่านี้ คืออะไร อิอิ.. ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วยแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และที่สำคัญ ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในเรื่องผิวพรรณและหวัดอีกด้วย
- 2. ไข่ไก่
ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย
- 4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์
เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย
- 5. ส้ม
เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดียว
- 6. มันเทศ
อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก มันเทศเป็นแหล่งเบตาแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีก
- 7. บร็อคโคลี่
เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ (Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย
แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่า การดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เพราะในชานั้นมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ
- 9. คะน้า
มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด รวมถึงมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมเสริมสร้างการทำงานของกระดูก
- 10. โยเกิร์ต
อาหารสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะซื้อไว้ติดบ้าน เอาไว้ทานยามหิว และนั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ เพราะในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 และโปรตีน ดังนั้น ถ้าคุณทานโยเกิร์ตให้ได้วันละ 1 ถ้วย จะทำให้สุขภาพคุณดีอย่าบอกใครเลยล่ะ
หนีห่างอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ด้วย 7 อาหารแสนอร่อย
- ต้องบอกว่า ทุกวันนี้อาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับช่องท้อง เริ่มแพร่กระจายไปยังกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกับวัยทำงาน ที่กินข้าวไม่ค่อยเป็นเวลา แถมยังสะสมความเครียดทุกวัน ๆ โดยไม่รู้ตัวอีกต่างหาก ซึ่งปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้สามารถทำให้ร่างกายของเราเกิดปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับช่องท้องได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นโรคกระเพาะ ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือโรคกรดไหลย้อน เดือดร้อนให้ต้องเดินแถวเข้าพบแพทย์ หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องพกยาบรรเทาอาการติดตัวอยู่เสมอ
แต่ถ้าตอนนี้คุณเริ่มจะเอือมกับปัญหาช่องท้อง และไม่อยากจะกินยาบรรเทาอาการอีกต่อไปแล้ว เว็บไซต์รีดเดอร์ส ไดเจสท์ เขาก็กระซิบบอกมาว่า คุณสามารถลดความเสี่ยงของอาการเกี่ยวกับช่องท้องต่าง ๆ ได้ด้วย 7 สุดยอดอาหารเหล่านี้เลย
- ผักผลไม้ทุกชนิดมีประโยชน์กับร่างกายเราอยู่แล้ว เนื่องจากอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน ไฟโตนิวเทรียน อีกทั้งยังมีปริมาณไขมัน และให้พลังงานแคลอรี่ค่อนข้างต่ำมาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ผักผลไม้บางชนิดก็แอบมีสาร FODMAPs หรืออาหารกลุ่มที่ส่งเสริมให้แบคทีเรียในลำไส้เติบโต ซึ่งก็คือ กลุ่มอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ดูดซึมได้น้อยในลำไส้เล็ก และจะผ่านเข้าสู่ลำไส้ใหญ่แทน ลักษณะอาหารแบบนี้จะส่งผลกระทบกับบุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยแป้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และก่อให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อเรื้อรัง
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงกับอาการผิดปกติทางช่องท้อง ก็ควรเลือกรับประทานผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม และแร่ธาตุสำคัญต่าง ๆ เช่น ผักใบเขียว, ผักคะน้า, ผักโขม, เคล, แตงกวา, มะเขือยาว, มะเขือเทศ, มันฝรั่ง และพริกหยวก

- ผลไม้รสหวานบางชนิด เช่น กล้วย, แคนตาลูป, บลูเบอร์รี, องุ่น, ส้ม, สัปปะรด, มะละกอ, สตรอว์เบอร์รี และราสป์เบอร์รี ต่างก็มีปริมาณกลูโคส และฟรุคโตสในอัตราที่สมดุล ซึ่งพอเหมาะกับการย่อยอาหารของลำไส้ มากกว่าความหวานจากฟรุคโตสของอาหารชนิดอื่น ๆ จึงช่วยเลี่ยงอาการผิดปกติทางช่องท้องได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
- อย่างที่บอกว่า อาหารที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต หรืออาหารประเภทแป้ง อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องอืดเรื้อรังได้ ดังนั้นเหล่าธัญพืชทั้งหลายจึงเข้าข่ายอาหารที่มีสาร FODMAPs เช่นกัน แต่ก็มีธัญพืชบางชนิด เช่น เมล็ดควินหวา, ข้าวโอ๊ต และข้าวกล้อง ที่ได้รับการยกเว้น เพราะเป็นธัญพืชที่แม้จะมีคาร์โบไฮเดรตอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีไฟเบอร์ และวิตามินที่สำคัญกับร่างกาย แถมยังมีปริมาณสาร FODMAPs ต่ำกว่าธัญพืชชนิดอื่น ๆ ด้วยจ้า

- ถั่ว และอาหารประเภทเมล็ดอุดมไปด้วยโปรตีนที่ให้พลังงานสูง ไฟเบอร์เยอะ อีกทั้งยังมีไขมันดี ชนิดต้านอาการอักเสบในร่างกายได้อยู่หมัด แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกรับประทานถั่วด้วยเช่นกัน เนื่องจากถั่วบางชนิดก็มีสาร FODMAPs ปนอยู่ด้วย ซึ่งถั่วที่ควรจะกินก็ได้แก่ เฮลเซนัท, อัลมอนด์, แมคคาเดเมีย, ถั่วลิสง, พีแคน, วอลนัท, เมล็ดเจีย, เมล็ดแฟลกซ์, เมล็ดฟักทอง, งาดำ และเมล็ดทานตะวัน

- ปกติโปรตีนไม่ค่อยมีปัญหากับการย่อยอาหารสักเท่าไร แต่ในที่นี้ก็ควรจะเป็นโปรตีนจากเนื้อที่ไม่ติดไขมัน เพราะเนื้อที่ติดไขมัน จะมีปริมาณไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดอาการอักเสบในช่องท้อง ดังนั้นคุณก็ควรเลือกกินโปรตีนจากอาหาร เช่น ไข่แดง, ปลา, เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, เต้าหู้ และอาหารทะเลแทนนะจ๊ะ
- กรีกโยเกิร์ตมีความแตกต่างจากโยเกิร์ตทั่วไปตรงที่มีปริมาณโปรตีนที่มากกว่าโยเกิร์ตธรรมดาถึง 2 เท่า แต่มีแลคโตสชนิดที่ก่อความระคายเคืองกับช่องท้องน้อยกว่า เราจึงสามารถกินกรีกโยเกิร์ตได้โดยไม่รู้สึกมวนท้อง หรือท้องเสียนั่นเองค่ะ

- น้ำเชื่อมหวาน ๆ ชนิดนี้มีดีอยู่ที่ปริมาณฟรุคโตสต่ำกว่าสารให้ความหวานชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำผึ้ง หรือน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ชนิดต่าง ๆ จึงไม่ก่อให้เกิดความระตายเคืองกับช่องท้อง และไม่มีส่วนกระตุ้นอาการผิดปกติทางช่องท้องแต่อย่างใด
สำหรับคนที่มักจะเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อยบ่อย ๆ ลองรับประทานอาหาร 7 ชนิดนี้ดูนะคะ อาการผิดปกติทางช่องท้อง ที่ทรมานคุณมาตลอดจะได้หายไปสักที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น